การตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นของเว็บไซต์ของคนไทยอยู่ในอัตราที่สูงขึ้นอย่างน่าพอใจ หากมองในฐานะผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป แต่ในกลุ่มผู้ใช้บริการเว็บไซต์จำนวนไม่น้อย ยังขาดความรู้ความเข้าใจลึกๆ ในทางเทคนิค คิดว่าแค่มีเว็บไซต์เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ก็เพียงพอแล้ว
จากความไม่รู้ของลูกค้า จึงเป็นช่องทางของผู้ประกอบการบางรายที่มีความรู้และเข้าใจในเทคนิคเป็น อย่างดี โดยการถือโอกาสติดลิงค์จากเว็บไซต์ลูกค้ากลับ (Back Link) ไปยังเว็บไซต์ของผู้ให้บริการเอง ทั้งที่ลูกค้าจ่ายค่าบริการเว็บไซต์ให้แล้ว
เรื่องนี้ถ้ามองในแง่คุณธรรมและจริยธรรม พิจารณายังไงก็ไม่ผ่าน เพราะผู้ประกอบการต่างก็รู้ดีว่าการติด Back Link ในเว็บไซต์ลูกค้ามีแต่ได้กับได้สถานเดียว คือ ได้เงินค่าบริการทำเว็บไซต์ที่ลูกค้าต้องจ่าย, ได้โฆษณาบริการของตนแบบฟรีๆ โดยบังคับให้ลูกค้าเป็นสปอนเซอร์ หากเว็บลูกค้ามีคนเข้ามากเท่าไรก็พลอยได้ผลบุญตามไปด้วยโดยปริยาย และที่สำคัญเหนืออื่นใดนั่นคือ การได้ Back Link ซึ่งมีผลต่อการทำ SEO แบบเต็มๆ โดยไม่ต้องจ่ายตังค์แม้แต่บาทเดียว แต่ผลกรรมกลับตกไปอยู่ที่เว็บไซต์ของลูกค้าเพราะต้องเสีย Back Link ตั้งแต่แรกคลอด
เรื่องนี้อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะครับ เพราะมันไม่ใช่แค่การเสีย Back Link แต่มันหมายรวมถึงการเสียโอกาสในการได้ค่า Page Rank (PR) ที่มีผลต่ออันดับในการแสดงผลที่หน้าค้นหาใน Google ด้วย
เรื่องนี้อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะครับ เพราะมันไม่ใช่แค่การเสีย Back Link แต่มันหมายรวมถึงการเสียโอกาสในการได้ค่า Page Rank (PR) ที่มีผลต่ออันดับในการแสดงผลที่หน้าค้นหาใน Google ด้วย
เมื่อเสีย Back Link ตั้งแต่แรกเกิด การทำ SEO ก็ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ แทนที่จะติด Google ง่ายขึ้น ก็ต้องกลายเป็นเรื่องยากกว่าเดิมเข้าไปอีก และหากระบบที่ใช้อยู่ไม่ได้สนับสนุนการทำ SEO เต็มรูปแบบ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการติดอันดับใน Google กันเลย ต้องใช้ SEM เป็นหลัก
การทำ SEM (Search Engine Marketing) ต่างกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) ตรงที่ SEM จ่ายเงินปุ๊บแสดงผลที่หน้าค้นหาตามคำ (Keyword) ที่เราต้องการได้ทันที และเสียค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก ซึ่งดูยุติธรรมดี ส่วน SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการแสดงผลแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงิน
เมื่อเว็บไซต์ไม่มีความสามารถทาง SEO หรือมีแต่ความสามารถค่อนข้างต่ำ นั่นหมายถึงว่าเว็บไซต์นั้นจะต้องพึ่งพา SEM เป็นหลัก ซึ่งมันคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือน
การทำ SEM (Search Engine Marketing) ต่างกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) ตรงที่ SEM จ่ายเงินปุ๊บแสดงผลที่หน้าค้นหาตามคำ (Keyword) ที่เราต้องการได้ทันที และเสียค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก ซึ่งดูยุติธรรมดี ส่วน SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการแสดงผลแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเสียเงิน
เมื่อเว็บไซต์ไม่มีความสามารถทาง SEO หรือมีแต่ความสามารถค่อนข้างต่ำ นั่นหมายถึงว่าเว็บไซต์นั้นจะต้องพึ่งพา SEM เป็นหลัก ซึ่งมันคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือน
โดยส่วนตัวเห็นว่าการใช้บริการ SEM เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการเพิ่มโอกาส แต่จะดีกว่าไหมถ้าเว็บไซต์ของลูกค้ามีโอกาสในการใช้พลังของ SEO ไปพร้อมๆ กับ SEM เพราะอย่างน้อยสุด ลูกค้ามีโอกาสที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำ SEM ได้มากขึ้น เพราะเว็บไซต์ของลูกค้าทำ SEO แล้วได้ผล
เมื่อเว็บไซต์ลูกค้าไม่สามารถติดหน้าแรกของ Google ได้หรือติดแต่ตำแหน่งไม่ดี ผู้ให้บริการก็จะเสนอบริการ SEM ให้กับลูกค้า โดยมีค่าบริการรายเดือน (ค่าโฆษณาต่อคลิกต่างหาก) ประมาณว่าเป็นค่าดูแลบัญชีโฆษณาของลูกค้า ซึ่งจะสูงกว่าค่าบริการเว็บไซต์หลายเท่า ถือเป็นรายได้หลักอีกทางหนึ่งอย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว และทั้งหมดนี้คือผลต่อเนื่องมาจากการติด Back Link ในเว็บไซต์ของลูกค้านั่นเอง
มาถึงตรงนี้คุณคิดว่า คุณอยากจะจ่ายเงินค่าเว็บไซต์ที่มีลิงค์ของผู้ให้บริการเว็บไซต์ที่คุณใช้ อยู่ ติดอยู่ในหน้าเว็บไซต์ของคุณไหมครับ?
สำหรับผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปรายอื่นๆ หากมีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ผมขอกราบขออภัยงามๆ 3 ครั้ง และอยากบอกว่าอย่าโกรธกันเลยนะครับ เพราะเจตนาของผมคือต้องการรณรงค์ให้ผู้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปในประเทศไทย ยกเลิกการติดลิงค์ที่หน้าเว็บไซต์ของลูกค้า เพราะนอกจากดูไม่เป็นมืออาชีพแล้วยังเป็นการเอาเปรียบลูกค้าเกินไป ส่วนเว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีเราไม่ว่ากันครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น